วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

5 เรื่องน่ารู้ของคนใช้ mac

Mac เป็นคอมพิวเตอร์ของทาง Apple ที่เชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากได้จับจองมาเป็นเจ้าของกัน โดยถ้าเป็นในส่วนของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะก็จะมี Mac mini, iMac และ Mac Pro หรือถ้าเป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพาก็จะเป็น MacBook Air, MacBook Pro และ MacBook Pro Retina ซึ่งอย่างที่รู้ดีกันอยู่แล้วก็คือ Mac เป็นคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบได้อย่างสวยหรู มีความโดดเด่น มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Mac OS ที่ใช้งานง่ายและมีความสเถียรสูงอย่าง OS X นอกจากนี้ยังมีของแต่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนของฮาร์ดเคสกันรอยหลากสีที่เราเลือกใส่ได้ตามใจ รวมไปถึงมีฟิล์มกันรอยติดรอบเครื่อง
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีผู้ใช้งาน Mac น้อยคนนัก ที่จะเข้าใจความเป็น Mac หรือข้อจำกัดจริงๆ โดยในบทความนี้เราก็เลยจะมาพูดคุยในเรื่องของสิ่งที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับ Mac กัน 5 เรื่องโดยเรื่องเหล่านั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน หรือเป็นเรื่องที่บอกต่อกันมา รวมไปถึงเป็นเรื่องที่ใครๆ เขาก็ทำกัน ไม่ว่าจะเป็น Mac, Macbook หรือ OS X ก็ตาม ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าเท็จจริงแค่ไหน ฉะนั้นบทความนี้เราจะมาพูดถึงความจริงที่เกี่ยวข้องกับ Mac ที่เราควรทราบและทำความเข้าใจกันซักหน่อย ถึงแม้ในหัวข้อเรื่องทางผู้เขียนดูเหมือนจะจั่วแรงๆ เกี่ยวกับ Mac แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกนะครับ (คนไม่รู้ก็ไม่ได้หมายความว่าโง่นะจ๊ะ)

1. Mac OS X ไม่มีไวรัส

ต้องเรียกว่า OS X เป็นเรื่องแรกๆ ที่ผู้คนส่วนมากที่ใช้ Mac หรือไม่ใช่ Mac ก็ตาม มีความเข้าใจผิดๆ กัน ว่าระบบปฏิบัติการ OS X ของ Mac นั้นไม่มีไวรัสอยู่เลย ความเป็นจริงแล้วต้องบอกว่ามีนะครับ แต่ก็ถือว่าพบเจอได้น้อยมาก เพราะด้วยระบบปฏิบัติการ OS X ยังมีสัดส่วนน้อยกว่า Windows อยู่มาก ทำให้บรรดาคนเขียนไวรัสขึ้นมานั้นมีสัดส่วนที่น้อยตาม เอาเป็นว่าถ้าใครใช้ Mac แล้วบังเอิญติดไวรัสบน OS X ก็ถือว่าโชคดี อารมณ์ประมาณนกบินมาอึใส่หัวก็แล้วกันนะครับ (ฮา)
อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่ควรทราบก็คือ บนเครื่อง Mac นั้นมีโอกาสที่จะเป็นพาหะนำไวรัสบน Windows จากเครื่องไปติดอีกเครื่องหนึ่งได้เป็นอย่างดี  โดยผ่านทางฮาร์ดดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟที่ก๊อบไฟล์ข้ามกันไปมา ฉะนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือหมั่นสแกนไวรัสสื่อบันทึกต่างๆ ด้วยโปรแกรมสแกนไวรัสของฝั่ง Windows  กันบ้างนะครับ ยังไงก็กันไว้ดีกว่าแก้ (เพราะเดี๋ยวจะโดนคนใช้ Windows หาว่า OS X เอาไวรัสมาติดนะ)

2. OS X บน Mac ไม่มีวันแฮงค์

แม้ระบบปฏิบัติการ OS X ที่ใช้งานใน Mac จะได้รับการโฆษณาจากทาง  Apple ว่ามีความสเถียรที่สูงหรือไว้ใจได้มากเพียงใด ก็ต้องบอกว่าในส่วนของการใช้งานจริงนั้นบน OS X นานๆ ทีก็มีอาการหลอนบ้างในบางครั้ง โดยจากประสบการณ์ใช้งาน OS X ด้วยตนเองที่ผ่านมานั้น พบว่ามีอาการแฮงค์หรือค้างไปบ้างในบางเวลา เฉลี่ยแล้วก็ตกปีละประมาณ 2 ครั้ง รวมไปถึงยังมีกรณีที่เปิดไม่ติดเลย ซึ่งก็ต้องอาศัยการ Restore จาก Time Machine ของ OS X เข้าช่วยเหมือนกัน (อันนี้เป็นอยู่ 2 ครั้ง)
แน่นอนว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ฉะนั้นก็ไม่ควรที่จะวางใจในส่วนของระบบปฏิบัติการ OS X ของเครื่อง Mac แบบ 100% เป็นไปได้ผู้ใช้งานเองก็ควรที่จะ Backup ข้อมูลบน OS X เอาไว้บ้าง เพราะสมมุติว่าข้อมูลหายไปหรือเครื่องเปิดไม่ติดขึ้นมาจริงๆ เราคงต้องได้รับความลำบากอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าคิดให้ดีขนาด OS X เองยังต้องมี Time Machine โปรแกรม Backup ติดตั้งมาให้เลย ซึ่งต้องบอกว่าถ้าใครไม่เคยใช้งานเลยก็แนะนำให้เปิดใช้งานบน OS X กันนะครับ ยังไงก็ปลอดภัยไว้ก่อน 

3. Mac ใส่ฮาร์ดเคสหรือติดกันรอยรอบตัวเครื่อง

นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเรื่องหนึ่งทีเดียว เพราะคนส่วนมากที่ใช้งาน MacBook ที่ไม่ว่าจะ MacBook Air หรือ MacBook Pro นั้นทำกัน นั่นก็คือการซื้อฮาร์ดเคสมาใส่ โดยถ้าใครนึกอุปกรณ์เสริมอย่างฮาร์ดเคสบน Mac ไม่ออก ก็ต้องบอกว่าอารมณ์เหมือนกับเคสมือถือที่เราใส่กันทั่วไปเลยซึ่งเป็นตัวช่วยในเรื่องของความสวยงามหรือกันรอย ที่โดยส่วนมากนั้นฮาร์ดเคสของ MacBook จะมีอยู่สองชิ้นด้วยกันก็คือ ชิ้นบนไว้ครอบฝาจอ และอีกชิ้นไว้ครอบฝาเครื่อง หรืออีกหนึ่งประเภทกันรอยก็คือ ฟิล์มกันรอย ซึ่งจะเป็นลักษณะฟิล์มใส โดยการใช้งานก็จะเป็นการติดรอบตัวเครื่อง Mac ทั้งหมด เพื่อป้องกันรอยต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเครื่องแบบไม่คาดคิดได้
รู้หรือไม่ว่าการที่เราจับเอา MacBook ไปใส่ฮาร์ดเคสหรือติดฟิล์มกันรอยรอบตัวเครื่องนั้น เป็นการทำร้ายเครื่องสุดที่รักของเราทางอ้อม เพราะ MacBook นั่นอาศัยการระบายความร้อนด้วยตัวเครื่องที่วัสดุทำจากโลหะที่มีคุณสมบัตินำความร้อนได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเราเอาฮาร์ดเคสหรือติดฟิล์มกันรอยมาติดนั้น ทำให้การนำความร้อนออกจากตัวเครื่องทำไม่ได้อย่างเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ตัวเครื่องภายในสะสมความร้อนมากยิ่งขึ้น พัดลมทำงานหนักขึ้น แน่นอนว่าจะให้อายุ MacBook ของเราสั้นลงกว่าที่ควรแน่นอน
แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดๆ จากประสบการณ์ตรงเลยว่า ประสิทธิภาพจะตกลงไปแบบรู้สึกได้ ด้วยการใช้งาน MacBook Pro Retina 15 ในการเล่นเกม DOTA 2 โดยก่อนใส่เฟรมเรทจะอยู่ที่ประมาณ 50 -60 fps แต่พอใส่ฮาร์ดเคสเข้าไปแล้วพบว่าเฟรมเรทนั้นตกลงมาเหลือที่ประมาณ 30 fps เท่านั้น หรือบางช่วงเวลาก็รู้สึกกระตุกเลย หรือแม้แต่การใช้งานทั่วไปก็สังเกตได้จากพัดลมเครื่องว่าหมุนรอบจัดกว่าการไม่ใส่ฮาร์ดเคสพอสมควรทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าด้วยความที่ MacBook Pro Retina 15 หรือ MacBook Pro 15 ที่ติดตั้งชิปประมวลผล Core i7 และการ์ดจอแยก แน่นอนว่าทำให้เครื่องนั้น ปกติแล้วก็ร้อนกว่า MacBook Air หรือ MacBook Pro 13 อยู่แล้ว ทำให้เห้นผลได้ชัดกว่าเมื่อใส่ฮาร์ดเคส แต่ก็เชื่อได้ว่าหากเราไปใส่ฮาร์ดเคสกับ MacBook Air หรือ MacBook Pro 13 แล้ว เครื่องต้องทำงานหนักและประสิทธิภาพตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ไม่ใส่ฮาร์ดเคสจะดีที่สุด แต่ถ้าใครกังวลก็ใส่ได้ แต่ก็ต้องรับในเรื่องข้อเสียที่จะเกิดขึ้นให้ได้เหมือนกัน

4. Mac ติดซิลิโคนคีย์บอร์ดเพื่อกันฝุ่น

แม้ว่าซิลิโคนคีย์บอร์ดของ Mac และ MacBook ที่ผลิตโดยผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมชั้นนำจะออกแบบมาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องของความเข้ากันของแต่ละปุ่มแต่ละช่องบน Mac รวมไปความสวยงามและวัสดุที่นำมาใช้ผลิตก็เป็นวัสดุชั้นดี ซึ่งข้อดีของการใช้งานซิลิโคนคีย์บอร์ดก็คือ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้ตกลงไปในช่องว่างของคีย์บอร์ดรวมไปถึงไม่ให้ปุ่มอักษรบน Mac ลอกอีกทั้งยังเสริมความสวยงาม ที่ในความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าเรื่องฝุ่นช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะยังไงเรื่องของฝุ่นก็คงหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน ข้อแนะนำก็คือให้หลีกเลี่ยงใช้ Mac บริเวณที่ฝุ่นเยอะ หรือยังไงก็ซื้อลูกยางเป่าลม มาค่อยเป่าไว้ก็จะดีกว่า
สำหรับข้อเสียในส่วนของคนที่ใช้ซิลิโคนคีย์บอร์ดของ MacBook ก็คือ ทำให้ระบายความร้อนได้แย่ลง แม้หลายๆ คนอาจจะคิดว่าช่องระบายความร้อนบนเครื่อง Mac ที่ติดตั้งมาให้ในโน้ตบุ๊กก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่อันที่จริงต้องเข้าใจว่าธรรมชาติของอากาศร้อนนั้นจะลอยขึ้นที่สูงแล้วการนำแผ่นซิลิโคนมาปิดไว้เหนือแป้นคีย์บอร์ดจะทำให้ความร้อนติดอยู่ที่แผ่นซิลิโคนและย้อนกลับเข้าไปในเครื่อง ทำให้ตัวเครื่องเกิดความร้อนสูงขึ้นและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ที่สำคัญ MacBook Air และ MacBook Pro นั้น ทาง Apple ได้มีการออกแบบให้เป็นช่องทางของลมเย็นเข้าไป เพื่อไปเป่าออกตรงช่องระบายความร้อนล่างจออีกทีหนึ่งนั่นเอง นอกจากนี้แล้วซิลิโคนคีย์บอร์ดก็เป็นตัวสกปรกและดักฝุ่นเสียเองอีกด้วย 
อย่างไรก็ตามการที่ขัดขวางการระบายความร้อนด้วยการติดซิลิโคนคีย์บอร์ด อาจจะไม่เห็นผลชัดเจนเท่ากับการใส่ฮาร์ดเคส แต่ถ้าเป็นไปได้หลังจากได้อ่านบทความนี้แล้ว ก็ลองพิจารณากันดูเองนะครับ ว่าเราจะทำร้าย Mac สุดที่รักของเราด้วยตัวเราเองหรือเปล่า (เว้นแต่กรณีใช้งานเป็นคีย์บอร์ด Mac แบบต่อแยก จะติดซิลิโคนก็ติดไปเถอะ ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว)

5. Mac ไฟดูดเพราะเครื่องไฟรั่ว

ก่อนที่จะทำความเข้าใจว่าใช้งาน Mac แล้วทำไมไฟดูด ที่เชื่อได้ว่าหลายคนต้องพบเจอ ก็ต้องไปทำความรู้จักการเชื่อมต่อกับอแดปเตอร์ของ MacBook กันก่อน ที่ทาง Apple เรียกชื่อพอร์ตการเชื่อมต่อว่า Magsafe เพราะเป็นการเชื่อมต่อด้วยแม่เหล็ก ทำให้เเวลาถอดเข้าถอดออกทำได้สะดวก รวมไปถึงกรณีเดินเตะสายไฟ ตัวเครื่องก็จะไม่ตกลงไปด้วย โดยตัวของอแดปเตอร์เองมีการออกแบบให้สามารถพันสายที่ยาวเกินใช้งานได้ (เป็นข้อดีที่ใช้งานได้จริง)
นอกจากนี้ในชุดจัดจำหน่ายของ MacBook จะมาพร้อมกับหัวปลั๊กเชื่อมต่อ 2 แบบด้วยกัน แบบแรกจะเป็นแบบ 2 ขา ซึ่งเราสามารถสลับหัวปลั๊กไปมาอย่างง่ายๆ ด้วยการเลื่อนออก  อีกแบบหนึ่งก็จะเป็นแบบสายยาว ที่มีหัวเป็นแบบ 3 ขา รองรับการเชื่อมต่อไฟที่มีการติดตั้งสายดินเพิ่มเข้ามา ส่วน iMac หรือ Mac mini นั้นจะให้สายไฟแบบ 3 ขามาอยู่แล้ว
ซึ่งหากใครพบปัญหาโลกแตกว่าทำไมใช้งานเครื่อง Mac ที่ไม่ว่าจะเป็น Mac หรือ MacBook ก็ตาม ไฟก็จะดูดเวลาที่เราไปแตะตัวเครื่อง ก็ขอแนะนำว่าหากบ้านใครเดินระบบไฟแบบมีสายดินเอาไว้ ซึ่งสังเกตง่ายๆ ว่าจะเป็นปลั๊กแบบ 3 รู  ก็ให้ใช้ปลั๊กแบบ 3 ขา เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วจากตัวเครื่อง จากการที่ตัวเครื่องเป็นโลหะ ส่วนถ้าบ้านไหนยังเป็นแบบปลั๊ก 2 รูทั้งบ้านอยู่ แสดงว่าไม่ได้ติดสายดินเอาไว้
ก็คงจำเป็นต้องหาวัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้าอย่างพรมหรือเก้าอี้ตัวเล็กมารองที่เท้าขณะใช้งาน MacBook รวมไปถึง Mac ที่เป็นอะลูมิเนียมทั้งหมด เพื่อป้องกันไฟฟ้ารั่วออกมา ซึ่งถือแม้จะรั่วเพียงเล็กน้อยที่บางคนอาจจะทนได้ แต่หลายๆ คนก็อาจจะเกิดอาการรำคาญหรือต้องใช้งานระวังไม่ให้เท้าแตะพื้นอยู่ตลอดเวลา
เรียกได้ว่าการที่เครื่อง Mac นั้นมีไฟฟ้ารั่วออกมาคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถแก้ไขปัญหาได้นะครับ เพราะบอกไว้ก่อนว่าโดนไฟดูดบ่อยๆ ไม่ดีนะครับ เดี๋ยวเป็นหมันกันพอดี (ฮา)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ บทความ 5 เรื่องโง่ของคนใช้ Mac ที่คุณควรรู้ !!! ที่เชื่อว่าคงโดนใจไปหลายๆ คนแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Mac, Macbook หรือ OS X เอาเป็นว่าใครสงสัยหรืออยากแชร์ความคิดเห็นอะไรหลังจากนี้ ก็สามารถโพสลงที่บทความนี้ได้เลย ทางผู้เขียนจะมาร่วมพูดคุยแบ่งบันความคิดเห็นอีกทีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เครื่อง Mac ที่เคยรู้จักมันเปลี่ยนไปแล้ว! 

Mac หรือ Macintosh คอนพิวเตอร์ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักว่า เป็นคอมฯที่ไม่เหมือนวินโดวส์ เป็นคอมฯที่เอาไว้ใช้ทำงานกราฟฟิค ตัดต่อ งานเฉพาะทาง

ทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
Mac วันนี้ ไม่เหมือนที่เคยรู้จักอีกต่อไป

ภาพ ลักษณ์ของ Mac ทั่วโลกตอนนี้ คือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการที่ไม่ใช่วินโดวส์ ที่เป็นทางเลือกใหม่อีกทางเลือกหนึ่งที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี

หลังจาก ทั่วโลกทนใช้วินโดวส์ที่ผูกขาดตลาดมาโดยตลอด แล้วก็ไม่ยอมพัฒนา ไม่ง้อผู้ใช้ ปัญหาที่เคยเกิดก็ยังเกิดต่อไปไม่รู้จบ ลูกเล่นใหม่ๆดีๆ ก็ไม่มี

Mac OSX ได้กลายมาเป็นคำตอบให้หลายๆคนบนโลก ที่ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับตัวเอง

Mac OSX ที่ชื่อ Leopard ซึ่ง เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ออกในปี 2007 ได้พลิกชีวิตของผมชนิดหมดจด เป็นการปลดแอกประกาศอิสรภาพครั้งยิ่งใหญ่ ต้องยอมใช้วินโดวส์มา 10 ปี อย่างไม่มีทางเลือก ขอลาก่อนตลอดกาล

แต่ถ้าเมื่อ 10 ปีก่อน ให้เลือกระหว่าง Mac OS เวอร์ชั่นในตอนนั้น กับวินโดวส์ ผมก็ต้องเลือกวินโดวส์
แม้แต่ 3 ปีก่อน Mac OS Tiger ที่เสถียรที่สุดในโลก กับวินโดวส์ ผมก็ยังต้องเลือกวินโดวส์

แต่พอผมได้มาทำความรู้จักกับ Leopard ผมไม่ลังเลเลยที่จะเปลี่ยนชีวิตหน้ามือเป็นหลังมือมาใช้ Mac OX

Leopard คือ OS ที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ เป็น OS ที่ทันสมัยที่สุด เหนือกว่า XP กับ Vista ทุกประการ แก้ปัญหาของวินโดวส์ทั้งสองได้แทบหมด

ดังนั้น ขอให้คนไทยทุกคน ลืม Mac ในอดีต แล้วอัพเดทข้อมูลนี้เสียใหม่ ให้ทันกับทั่วโลก ว่าทุกวันนี้ Mac เปลี่ยนไปแล้ว Mac OSX Leopard คือคอมฯที่สามารถจะมาแทน Windows ได้ในยุคใหม่

5 เหตุผลหลัก ที่เราควรเปลี่ยนมาใช้ Mac 

1. NO VIRUS
"Mac ไม่มีไวรัส" ถึงคำนี้จะไม่ถูก 100% แต่ก็ไม่ต่างจากความเป็นจริงนัก ที่ถูกควรจะเป็น "ยังไม่มี" แต่แค่ยังนี้ก็"ลดความเสี่ยง"ไปได้ตั้งเท่าไร อย่างน้อยก็ไม่มีวันติดไวรัสจากวินโดวส์แน่นอนล้านเปอร์เซนต์ นักบริหาร ที่ต้องบริหารความเสี่ยงในธุรกิจ ถ้าแค่ในคอมฯของตัวเองยังบริหารความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลไม่ ได้ แล้วจะไปบริหารความเสี่ยงในธุรกิจสำคัญๆได้อย่างไร ดังนั้นนักธุรกิจต่างประเทศจึงหันมาใช้ Mac มาขึ้นด้วยเหตุผลข้อนี้นี่เอง

2. NO HANG
คง เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคอมฯที่ไม่แฮงค์ ไม่ error แต่ Mac ความเสถียรสูงกว่า Windows จึงแฮงค์และ error น้อยกว่า Windows มากๆ มากซะจนบางคนกล้าพูดว่า "Mac ไม่แฮงค์ (สำหรับคนที่ถนอมเครื่อง)" แล้ว Mac นั้นใช้ RAM ได้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Windows เพราะไม่ต้องไปเปลือง RAM กับโปรแกรมที่ไม่จำเป็นแบบใน Windows เช่น สแกนไวรัส จึงทำให้ Mac นั้นแทบไม่มีแฮงค์

3. DRIVER
ข้อนี้สั้นๆง่ายๆ เอา Printer, Scanner, Digital Camera, VDO หรือ Hardware อะไรมาเสียบกับ Mac ก็ใช้งานได้เลย ไม่ต้องใส่แผ่นลงซอฟต์แวร์อะไรให้ยุ่งยากเหมือนวินโดวส์ Mac จะจัดการให้ทุกอย่างง่ายๆ ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ

4. FORMAT SUPPORT
Mac ในปัจจุบัน พร้อมที่จะให้คนย้ายงานจากวินโดวส์มาใช้ต่อใน Mac ได้เลย support การทำงานร่วมกับ วินโดวส์ ทุกไฟล์ในวินโดวส์สามารถมาเปิดใช้งานต่อกับ Mac ได้โดยที่ไม่เพี๊ยน มีแค่บาง Format เฉพาะเท่านั้นถึงจะไม่ได้ Mac support ทุกอย่างสำหรับคนใช้วินโดวส์ (แม้กระทั่งให้ลงวินโดวส์ใน Mac) ต่อ LAN PC > Mac, Mac อ่าน PC ได้ PC อ่าน Mac ไม่ได้

5. USER FRIENDLY
ละเอียด อ่อน ใส่ใจ รู้ใจคนใช้คอมฯ เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ทำให้ถูกใจและสะดวกกว่าใช้วินโดวส์มากมายนัก เช่น เสียงเตือนเวลา Error ใช้ Mac ไม่ต้องเห็น X แดงๆใหญ่ๆ พุ่งขึ้นมาพร้อมเสียงดังๆน่ากลัวชวนให้คนแก่หัวใจวาย เพียงแค่เขา rename files ชื่อซ้ำกัน ต้องเตือนกันอย่างกับเขาจะทำให้เครื่องพัง ในหัวข้อนี้มีอีกหลายเรื่อง ที่ทำให้คนใช้คอมฯที่ไม่ใช่พวกช่างคอมฯรู้มาก ถูกใจ Mac, User Friendly แต่อาจไม่ Programmer Friendly ก็ได้นะ

ถ้าจะให้ร่ายยาวว่า Mac ดีกว่า Windows ตรงไหนบ้าง คงมีไม่ต่ำกว่า 100 ข้อ
ดัง นั้นจึงเลือกมาแค่ 5 ข้อนี้แหละครับ ที่เป็นเหตุผลหลักของคนที่เปลี่ยนจาก Windows มาเป็น Mac เป็นเหตุผลที่เกินพอสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้

MacBook Air 

ถ้าต้องการโน๊ตบุ๊กเล็กๆ พกพาง่าย ขี้เกียจใช้มือถือ pocket PC ทำงานต่างๆ ไม่สะดวก ฟังก์ชั่นยังไงก็ไม่ใช่คอมพิวเตอร์

เคยเล็ง eeePC ของ ASUS แล้วก็พวกโน๊ตบุ๊กขนาดเล็กทั้งหลายที่ตอนนี้มีออกมาให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อมาก พิจารณาแล้ว...

ยัง ไงก็ไม่สะดวก เล็กเกินใช้งานได้ตามปกติ ไม่สามารถแทนคอมฯหรือโนีตบุ๊คจริงๆได้เลย ปุ่มเล็กกว่าปกติ จอเล็กจนมองไม่ถนัด ขนาดแบบนั้น จึงไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป มันแทบไม่ต่างอะไรกับพวก talking dict

ทุกความต้องการ ทุกการแก้ปัญหา มันมาลงตัวที่ MacBook Air

หน้า จอปกติ 13 นิ้ว น่าจะเล็กที่สุดเท่าที่จะรับได้แล้ว ในการเป็นโน๊ตบุ๊ก resolution 1200x จะได้ทำงานตามปกติได้อย่างไม่ขัดใจ ความกว้าง จำกัดสุดๆแล้ว ความลงตัวจึงมาตกที่ "ความบาง"

apply รู้ใจคนใช้คอมมากๆ จึงไม่คิดจะผลิตพวก mini notebook มาแข่ง การทำโนีตบุ๊กที่บางที่สุดในโลกนี่แหละ ที่ตรงกับความต้องการของคนใช้คอมปกติๆที่สุด มองถนัดปกติ ใช้งานได้จริง สเปคถึงจะไม่ว๊าว แต่ก็ใช้งานได้โอเค ไม่แย่เกินไป ใช้จอ LED ประหยัดไฟไม่ร้อน เบา พกพาสะดวกไม่แพ้พวก โน๊ตบุ๊คเล็กๆทั้งหลาย ลองคิดดู กระเป๋าของคุณๆ เหมาะจะใส่ของขนาด A4 บางๆ หรือใส่ของเล็กหนาขนาดประมาณตลับแป้งแต่งหน้าใหญ่ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

iStudio

มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ??

ทดสอบการสร้างเว็บบล็อก

เว็บบล็อก มีอะไรบ้างคะ ???